การเติมหมึกนั้น แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจ

การเติมหมึกนั้น แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจ 

การเติมหมึก เป็นกิจกรรมที่ยังมีความสับสนกันอยู่มากในหมู่ผู้ใช้พรินเตอร์   โดยวัตถุประสงค์หลักแล้ว ก็เพื่อความประหยัด   แต่ได้คุณภาพของงานพิมพ์ที่ใกล้เคียงของแท้   ปัจจุบัน Printer ที่ออกมาใหม่ราคาค่อนข้างถูก   ซึ่งเครื่องบางรุ่นขายเครื่องถูกกว่าตลับหมึกเสียด้วยซ้ำไป   ดังนั้นการเติมหมึกจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะหากเราเติมหมึกประสบความสำเร็จสักครั้งสองครั้งก็คุ้มค่าแล้ว   เมื่อเทียบกับการต้องซื้อตลับของแท้มาใช้ทุกครั้งที่หมึกหมดหรือต้องซื้อตลับใหม่ทุกครั้งที่หมึกหมด

                ยกตัวอย่าง เครื่อง Printer Canon LBP 6030 ราคาเครื่องพร้อมตลับหมึกอยู่ที่ 2,850 บาท แต่ถ้าเราใช้หมึกในตลับหมดแล้วไปซื้อตลับของแท้มาใช้ราคาอยู่ที่  2,190 บาท   แต่ถ้าเรานำตลับที่ติดมากับตัวเครื่องไปเติมหมึก เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 700 บาท  เติมได้ประมาณ 2 – 3 ครั้ง ปรากฏว่าDrum ไม่ค่อยดีแล้วก็จึงเปลี่ยนมาซื้อตลับใหม่ใช้ (เรื่องสมมุติน่ะ  ) คำนวณแล้วเราเสียค่าใช้จ่าย 700 + 700 +700 = 2,100 บาท  แต่ถ้าเป็นการซื้อตลับของแท้ใหม่ทุกครั้ง= 2,190 + 2,190 + 2,190 =6,570 บาท  ซึ่งเราสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้ตั้งเยอะ

                หลักการกว้าง ๆ ในการเติมหมึกก็คล้ายกับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์   เราเติมน้ำมันก่อนที่น้ำมันจะหมด เช่นกัน  การเติมหมึกก็ควรเติมตอนที่งานพิมพ์เริ่มซีด หรือเครื่องเตือนหมึกใกล้หมด  แต่ข้อแตกต่างคือ การเติมหมึกอาจมีปัญหาบ้าง  ซึ่งผู้เติมหมึกต้องศึกษาวิธีการใช้งานและวิธีการเติมหมึกบ้างและต้องรู้จักแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ความหมายของการเติมหมึก

การเติมหมึก คือ การนำตลับหมึกของแท้ หรือตลับเทียบเท่าที่ใช้จนหมึกหมดแล้วมาเติมหมึกเพื่อให้ใช้งานต่อได้เพื่อลดค่าใช้จ่ายทั้งเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม และลดปริมาณขยะอีกด้วย

                เติมได้กี่ครั้ง ไม่แน่นอน จนกว่า Drum หรืออะไหล่ในตลับหมึกเริ่มไม่ดีแล้วหรือจนกว่างานพิมพ์ที่ได้มีคุณภาพต่ำจนรับไม่ได้ ทั้งนี้ตลับจะใช้ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอายุการใช้งานที่ถูกออกแบบมาด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของตลับนั้น  วิธีการเติม  วิธีการใช้งานของลูกค้า  คุณภาพของหมึกที่ใช้เติม ฯลฯ

                ต้องเปิดใจให้กว้างพยายามเข้าใจถึงสัจธรรมว่าตลับหมึกถูกออกแบบและผลิตมาจากผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ให้ใช้งานตลับหมึกนั้นๆ เพียงครั้งเดียว   ดังนั้นการที่ตลับหมึกถูกล็อคด้วย  Chip  อะไหล่ในตลับเสื่อมคุณภาพควรถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ   บางคนสามารถใช้งานตลับหมึกที่ติดมากับตัวเครื่องนานกว่า 1 ปี หรือเติมได้มากกว่า 2 ครั้งก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว

เติมหมึกตอนไหน

                เติมตอนที่เครื่องเตือนว่าหมึกหมด หรืองานพิมพ์ที่ได้ซีดจาง ไม่สม่ำเสมอ  แต่ถ้ายังฝืนที่จะใช้งานตลับต่อโดยที่ไม่เติมผงหมึกเข้าไปอาจทำให้อะไหล่ในตลับเสียหายได้  จะรู้ได้อย่างไรว่าหมึกใกล้หมด  คำตอบก็คือพรินเตอร์จะมีซอฟแวร์บอกระดับหมึกเวลาสั่งพิมพ์ ซึ่งเป็นเพียงการประมาณเท่านั้นและซอฟแวร์มักจะเตือนช้ากว่าความเป็นจริง ดังนั้นจึงควรเติมเมื่อระดับหมึกตามซอฟแวร์เตือนว่าใกล้หมด

ใช้หมึกเติมยี่ห้อไหนดี

หมึกเติมคือหมึกไม่แท้ หมึกเติมของแท้ไม่มี  แต่หมึกเติมมีหลากหลายยี่ห้อ  หลากหลายคุณภาพ  หลายราคา  ควรหาข้อมูลให้ดีก่อนเลือกใช้  เท่าที่สังเกตพบจากการเติมหมึก หมึกถูกหรือหมึกแพงเป็นปัจจัยที่ควรพิจารณาทีหลัง เพราะปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้การเติมหมึกแล้วใช้งานได้ดีในระยะยาว  ต่างหากที่ควรเลือกซื้อ

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.compute.co.th หรือ http://www.facebook.com/compute

 

 

Brother J100

เจอแบบนี้…จะบอกลูกค้าอย่างไรดีค่ะ
ลูกค้า : ซื้อหมึก+แท้งค์ไปใช้งานได้ประมาณ 3 เดือนเครื่องพิมพ์พิมพ์ไม่ได้ ไม่มีหมึกออก (จะส่งเครื่องมาให้เช็คน่ะครับ)
Admin : ได้ค่ะ ผ่านไป 3 วัน เครื่องมาถึงที่บริษัท ช่างรีบเอาเครื่องมาเช็ค พอเปิดเครื่องปุ๊บ (เครื่องไม่เจอตลับหมึกสีดำ เปลี่ยนตลับใหม่ใส่เข้าไปให้ จะสั่งพิมพ์พิมพ์ไม่ได้ พอเปิดเครื่องดู…เจอแบบนี้เลยจร้า…q(^-^q)q(^-^q) แล้วมันจะพิมพ์ได้ไหมค่ะ???? ‪#‎คอมพิวท์‬ ‪#‎ตลับหมึกเทียบเท่า‬ ‪#‎Brother‬‪#‎inktank‬

  

  ระวังน่ะค่ะ  เด๋วเจอแบบนี้จะไม่แค่เรื่องหมึกแต่จะกลายเป็นปัญหาที่หัวพิมพ์

ดูข้อมูลเพิ่มเติม http://www.compute.co.th หรือ http://www.facebook.com/computefan